ตลาดหลักทรัพย์ (ประเทศสหรัฐอเมริกา) และตลาด Forex มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก. ในรัสเซีย, ตลาดหลักทรัพย์ถูกเรียกว่าตลาดหุ้น อะไรคือความแตกต่างระหว่างสองตลาดนี้?
1. ตลาดหลักทรัพย์เริ่มเปิดทำการ ณ เวลา 9:30 และปิดทำการ ณ เวลา 16:00 (เวลาที่นิวยอร์ค). นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม trader ที่ทำการเทรดส่วนใหญ่ในช่วงบ่ายไม่สามารถเทรดได้อย่างจริงจังในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลานี้ ในทางกลับกัน, ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง (ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งไม่มีการซื้อขาย) ซึ่งทำให้ trader ไม่ต้องพึ่งพาตลาดเพื่อเลือกเวลาที่เหมาะที่สุดในการเทรดสำหรับตัวเอง
2. เนื่องจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เกิดขึ้นจากหุ้นบริษัทต่างๆนับพันบริษัท จึงเป็นการยากในการคาดการณ์ว่าหุ้นบริษัทใดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง - ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะศึกษาหรือสร้างความคุ้นเคยกับหุ้นทั้งหมด. ด้วยเหตุนี้, การเลือกบริษัทที่สำคัญบางบริษัทเพื่อเฝ้าสังเกตและศึกษาจากจำนวนบริษัทอื่นทั้งหมดที่มีอยู่มากมายจึงเป็นงานที่ค่อนข้างซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนใหญ่แล้วมีการเทรด Forex กับค่าเงินต่างๆอันหลากหลาย โดยที่กำหนดราคาเป็นเงินดอลลาร์ ราคาของคู่เงินต่างๆเมื่อเทียบกับดอลลาร์และเมื่อเทียบด้วยกันเองแล้วได้รับอิทธิพลโดยส่วนใหญ่จากเหตุการณ์และข่าวด้านเศรษฐกิจ มากกว่าอิทธิพลที่ได้รับจากหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
มันเป็นการง่ายกว่าในการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อสถานะของภาคส่วนต่างๆ ภายในประเทศที่เราให้ความสนใจ เนื่องจากข่าวเศรษฐกิจสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากการเผยแพร่โดยสื่อมวลชนอย่างสม่ำเสมอ
3. ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในประเทศและภาวะตกต่ำของตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนที่เทรดในตลาดหลักทรัพย์ต้องประสบปัญหาอันหนักหน่วง ในช่วงเวลาดังกล่าว ผลกำไรของพวกเขาลดลงอย่างมีนัยสำคัญและบางครั้งอาจลดลงจนเท่ากับ 0 หากนักลงทุนไม่ได้กู้ยืมเงินจาก broker เพื่อการเก็งกำไรในภาวะตลาดขาลง เนื่องจากวัฏจักรทางเศรษฐกิจหลังจากการพังทลายย่อมตามมาด้วยการฟื้นตัว โดยที่ช่วงเวลาของการฟื้นตัวอาจแตกต่างกันไปจากไม่กี่เดือนไปจนถึงสองสามปี
สำหรับตลาด Forex ซึ่งต่างจากตลาดหลักทรัพย์ trader ทำการเทรดโดยการซื้อค่าเงินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและขายค่าเงินที่ลดลง ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของการเทรดและการทำกำไรในตลาด Forex
แม้ว่าตลาด Forex จะมีข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น (ตลาดหลักทรัพย์) ก็ไม่สามารถรับประกันการทำกำไรได้ 100% เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ โดยยังคงมีความเป็นไปได้ที่คุณจะสูญเสียเงินทุนทั้งหมดไป